5 วิธีอ่านใจคนแบบง่ายๆ
อัลแลน และบาร์บารา พีส (Allan and
Barbara Pease)สองสามีภรรยาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษากาย
ได้ใช้เวลากว่าสิบปีในการสังเกตุท่าทางของมนุษย์เพราะเขาเชื่อว่า
หากคนเราให้ความสนใจกับตัวเลขร้อยละ 38
ที่เกิดจากภาษากายและสามารถอ่านความหมายได้ถูกต้อง
เราจะเข้าใจผู้อื่นได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ในขณะที่การเพิกเฉยและขาดความสนใจจะนำไปสู่ความกลัวและความเชื่อผิดๆ
หากพร้อมแล้วเราไปดูกันเลย เริ่มจาก ท่ากอดอก
มือและแขนไว้ทับกันอยู่บริเวณหน้าอก ไม่ว่าจะเป็นการกอดอกในท่านั่งหรือยืน
หมายถึง การปิดกั้น ความเห็นขัดแย้ง ความไม่พอใจ ความหวาดระแวง
หากมีผู้ฟังกอดอกตลอดการสนทนา นั่นแปลว่า
เขากำลังรู้สึกขัดแย้งกับสิ่งที่เราพูด หากเป็นการเสนองาน
มีความเป็นไปได้สูงว่า เมื่อเราพูดจบ เขาจะไม่ตอบตกลงเช่นเดียวกัน ขณะที่เรากอดอก ไม่ว่าจะรู้สึกพอใจหรือไม่พอใจก็ตาม แต่คู่สนทนาของเราจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตร ซึ่งจะทำให้เขาคล้อยตามเราได้ยากขึ้น ดังนั้นจึงไม่ควรทำท่ากอดอกเมื่อต้องเจรจาต่อรองหรือเข้าประชุม
วิธีแก้สถานการณ์
1. หากคู่สนทนายังกอดอกแน่น ให้คุณยื่นสิ่งของเช่น เอกสาร แก้วน้ำหรือเครื่องดื่ม ให้เขาถือหรือดู เชื่อไหมว่า นักขายผู้สามารถใช้วิธีนี้ในการเปิดใจลูกค้า จะสามารถปิดการขายได้สำเร็จ
2. ขณะ เจรจาให้ยื่นมือไปแตะที่บริเวณข้อศอกของคู่สนทนา แช่มือไว้ประมาณ 3 วินาที แล้วจึงชักมือออก นี่เป็นเทคนิคที่ได้จากงานวิจัยของนักศึกษา มหาวิทยาลัยมินนิโซตา ซึ่งได้ทดลองทิ้งเหรียญไว้ในตู้โทรศัพท์ เมื่ออาสาสมัครใช้โทรศัพท์เสร็จแล้ว ผู้วิจัยจะเดินเข้าไปถามหาเหรียญดังกล่าว ผลปรากฎว่าหากระหว่างถามผู้วิจัยใช้มือแตะข้อศอกของอาสามัครแช่ไว้ 3 วินาที อาสาสมัครจะยอมคืนเหรียญมากถึงร้อยละ 68 (วิธีนี้มีข้อพึงระวังเล็กน้อย หากแตะเหนือกว่าหรือต่ำกว่าข้อศอกจะไม่มีผล)
ท่า กอดตัวเอง มือข้างหนึ่งเลื่อนมาจับที่ข้อศอกหรือแขนทางด้านหน้า หมายความว่าความโดดเดี่ยว ความเครียด ท่านี้อัลแลนอธิบายว่า คนเรามักทำท่ากอดตัวเองเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย หรือมีความกังวลใจในสถานภาพของตน เพราะมือที่พาดมาด้านหน้าเปรียบเสมือนเกราะกำบังนั่นเอง
หาก เราพบเห็นเพื่อนฝูงหรือใครทำท่านี้ อาจแปลได้ว่า เขากำลังกังวลกับเรื่องบางอย่าง ซึ่งอาจเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างเสื้อผ้า หน้าผม หรือรูปร่าง ก็ได้ เราจึงควรระมัดระวังคำพูดให้มาก และหลีกเลี่ยงการพูดล้อเลียน
ทำ มือแบบนี้= กำลังประหม่า ถ้าเราเห็นผู้ชายขยับกระดุมข้อมือหรือจัดสายนาฬิกาบ่อยๆ นั่นแปลว่าเขากำลังประหม่า ส่วนผู้หญิงที่ชอบถือกระเป๋าไม่ปล่อย ก็แปลได้ว่าเธอกำลังประหม่าเช่นกัน
หงาย ฝ่ามือ ขณะที่พูดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็หงายฝ่ามือไปด้วย หมายความว่า มีความสนใจ ความเห็นด้วย อัลแลนระบุว่า เมื่อคนเราหงายฝ่ามือเพื่อประกอบคำพูด นั่นแปลว่าเขากำลังพูดถึงสิ้นที่ตนเองพอใจและมั่นใจ นอกจากนี้การหงายฝ่ามือประกอบการอธิบายจะช่วยให้อีกฝ่ายจดจำข้อมูลได้ มากกว่าการไม่ใช้มือถึงร้อยละ 30 เชียวนะ
ท่า จับมือไขว้หลัง มือข้างหนึ่งไขว้หลังไปจับมืออีกข้างหนึ่ง หมายความถึงความเหนือชั้น ความมั่นใจ ความเป็นผู้นำ ท่านี้เป็นท่าพักของตำรวจหรือทหารที่เราสามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป คนที่ทำท่านี้อย่างเป็นธรรมชาติ มักจะอยู่ในอารมณ์ที่ปราศจากความกลัว และมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เรา สามารถใช้ประโยชน์จากท่านี้ด้วยเพราะหากเรากำลังอยู่ในสภาวการณ์ที่มีความ ตึงเครียดสูง การทำท่าจับมือไขว้หลังจะทำให้เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าหากมือที่ไขว้มาด้านหลังจับอยู่ในบริเวณที่ไม่ใช่มือ เช่นจับข้อมือ หรือข้อศอก นั่นแปลว่า คนๆนั้นกำลังหงุดหงิด และพยายามจะควบคุมตัวเอง ยิ่งมือจับแขนสูงมากขึ้นเท่าใด อารมณ์ของคนผู้นั้นก็น่าจะหงุดหงิดหรือโกรธมากขึ้นเท่านั้น
ท่าปิดปาก ยกมือ นิ้ว หรือกำปั้นมาปิดที่บริเวณปาก ความหมายคือ พูดไม่จริง หรือมีอะไรบางอย่างปิดบังอยู่
เช่น เดียวกันกับท่าทางอื่นๆที่คนเรามักแสดงออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว คนที่โกหกมักจะทำท่าอย่างนี้โดยอัตโนมัติ หากเราเห็นคนทำท่าปิดปากขณะที่เรากำลังนำเสนอข้อมูล ก็อาจแก้ไขสถานการณ์ด้วยการถามเจาะจงไปว่า มีคำถามอะไรไหมเพื่อเปิดโอกาสให้เขาได้ซักถาม
จะ เห็นได้ว่า เพียงแค่มือสองข้างก็สามารถคลี่คลายความรู้สึกได้มากมาย นอกจากจะทำให้เราเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ระหว่างการสนทนาแล้ว ยังทำให้เราสามารถจับสัมผัสความรู้สึกของตัวเองได้อย่างละเอียดมากขึ้น
เมื่อตั้งหลักถามตัวเองบ่อยๆก็แปลว่าคุณมีสติรู้ตัวเองมากขึ้น แล้วโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการสนทนาจะพ้นมือคุณไปได้อย่างไร
Credit: www.dek-d.com
No comments:
Post a Comment